แนวข้อสอบ พนักงานราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ((มาใหม่2567))
แนวข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์
1. บุคคลโดยทั่วไปใช้แผนที่เพื่อวัตถุประสงค์ใด
ก. หาตำแหน่งที่ตั้ง ข. อ่านเสริมความรู้
ค. ศึกษาโลกของเรา ง. คำนวณหาเวลา
2. ในปัจจุบันท่านคิดว่าเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ใดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก
ก. รูปถ่ายทางอากาศ ข. แผนที่แสดงเส้นทางหลวง
ค. ภาพจากดาวเทียม ง. อินเทอร์เน็ต
3. ถ้าปัญญาวัดระยะทางระหว่างสถานีอนามัยกับโรงเรียนในแผนที่ห่างกัน 4 เซนติเมตร เมื่อเขา ทดลองเดินได้ระยะทางจริง 2 กิโลเมตร แผนที่ฉบับนี้จะมีมาตราส่วนเท่าใด
ก. 1 : 50,000 ข. 1 : 55,000
ค. 1 : 150,000 ง. 1 : 5,000
4. เส้นเมริเดียนแรก (0 องศา) มีความสำคัญอย่างไร
ก. ใช้กำหนดเวลามาตรฐานสากล ข. ใช้แบ่งซีกโลกเหนือและใต้
ค. ใช้เริ่มต้นการแบ่งเวลาท้องถิ่น ง. ใช้กำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก
5. นายสมิธเรียนอยู่ที่รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จะโทรหาคุณแม่ที่อยู่กรุงเทพฯ เวลา 20.00 น. ของออสเตรเลีย เวลาที่กรุงเทพ ฯ ตรงกับข้อใด ( ประเทศไทยตั้งอยู่ที่ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก ออสเตรเลียตั้งอยู่ที่ลองจิจูด 150 องศาตะวันออก)
ก. เวลา 23.00 น. ข. เวลา 20.30 น.
ค. เวลา 18.30 น. ง. เวลา 17.00 น.
6. คำว่า “เวลามาตรฐานท้องถิ่น” มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. เวลาของพื้นที่ที่ได้รับแสงอาทิตย์
ข. เวลาที่กำหนดขึ้นเองในแต่ละพื้นที่
ค. เวลามาตรฐานกรีนิชสากลปานกลาง
ง. เวลามาตรฐานตามเขตเวลาแต่ละพื้นที่
7. ถ้าศุภชัยเดินทางจากเส้นเมริเดียนแรก (0 องศา) ไปทางซ้ายมือ จะมีเวลาเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ก. ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะใช้เวลามาตรฐานสากลเดียวกัน
ข. ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะใช้เขตเวลามาตรฐานเหมือนกัน
ค. เปลี่ยนแปลงโดยจะมีเวลาช้ากว่าที่เส้นเมริเดียนแรก
ง. เปลี่ยนแปลงโดยจะมีเวลาเร็วกว่าที่เส้นเมริเดียนแรก
8. เดชาเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศญี่ปุ่นไปสหรัฐอเมริกา โดยผ่านลองจิจูดที่ 180 องศา เกี่ยวข้องกับเวลาอย่างไร
ก. เวลาเหมือนเดิม ข. เวลาจะลดลง 1 วัน
ค. เวลาจะเพิ่มขึ้น 1 วัน ง. เวลาจะหยุดนิ่ง
9. ข้อใดกล่าวถึงที่ตั้งของประเทศไทยได้ถูกต้อง
ก. ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ ข. ตั้งอยู่ใกล้แนวเส้นเมริเดียนปฐม
ค. ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ ง. ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้
10. ข้อใดเป็นแนวพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ก. ทิวเขาสันกาลาคีรี แม่น้ำปิง
ข. ทิวเขาพนมดงรัก แม่น้ำกระบุรี
ค. ทิวเขาเพชรบูรณ์ แม่น้ำสาละวิน
ง. ทิวเขาดงพญาเย็น แม่น้ำตาปี
เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
1. อะไรคือสิ่งที่ผู้เข้าสอบสัมภาษณ์คาดหวังไว้
ตอบ 1. ได้รับการปฏิบัตอิย่างสุภาพ
2. มีโอกาส และเวลามากพอที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการพูด
3. ข้อดีและข้อเสียจะถูกบันทึกไว้เพื่อการให้คะแนน
4. อาจจะต้องใช้เวลาและความคิดอย่างมากเมื่อถูกถามด้วยคำถามยากๆ
5. ผู้สัมภาษณ์ไม่ควรตัดสินใจอะไรจนกว่าจะเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์
2. ในขณะเดียวกันผู้สัมภาษณ์ก็จะคาดหวังจากผู้สมัครดังนี้
ตอบ 1. ผู้สมัครมีความตั้งที่จะทํางานในตําแหน่งนั้นจริงและตั้งใจจะทําการสอบสัมภาษณ์เป็นอย่างดี
2. ผู้สมัครมีความซื่อตรงต่อคําถามที่ถูกถาม ไม่พูดเท็จ
3. ผู้สมัครมีความสุภาพเรียบร้อยและตั้งใจฟังคําถาม
4. ผู้สมัครมีความสามารถตอบคําถามอะไรก็ได้ที่ผู้สัมภาษณ์จะถาม
3. การหาความรู้เกี่ยวกับงาน
ตอบ วิธีหาความรู้ง่าย ๆ คือ หาเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องมาอ่าน ติดตามเรื่องของ(หน่วยงาน) ที่
ปรากฏในหนังสือพิมพ์รายงานประจําปีความเห็นของคนที่อยู่ในสาขางานนั้นๆรวมทั้งคู่แข่งด้วย และในปัจจุบันนี้ ยิ่งสะดวกง่ายดายขึ้นโดยการค้นหาจากเว็บไซต์ของหน่วยงาน หรือหน่วยงานนั้นๆ
4. การเตรียมพูดถึงความสามารถของผู้สมัคร
ตอบ เป็นเรื่องที่สําคัญที่สุดที่ผู้สมัครต้องทำ โดยอาจจะทําการ์ดขนาด 3" x 5" ด้านหนึ่งให้เขียน
สิ่งที่ผู้สมัครต้องการให้ผู้สัมภาษณ์รู้เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร 5 อย่าง อีกด้านหนึงให้จดค ําถามที่ผู้สมัครต้องการถามผู้สัมภาษณ์ในระหว่างการสัมภาษณ์เอาไว ้5 ค ําถาม เอาไว้ให้พร้อม และซ้อมถาม ซ้อมตอบคําถามต่าง ๆ ทั้ง10 ข้อนี้ ให้คล่องแคล่ว ให้บิดามารดาหรือคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทฟังการถาม-ตอบ ของผู้สมัครและแก้ไขตามที่เขาวิจารณ์
5. หัวข้อประเมินผู้เข้าสัมภาษณ์
ตอบ 1. สุขภาพและสภาพร่างกาย ดูจากความแข็งแรง สภาพร่างกายที่ปรากฏ กริยา ท่าทาง
ความสามารถในการฟัง สายตา การแต่งกาย น้ำเสียง ฯลฯ แต่มิใช่ว่าจะสําคัญไปหมดทุก ๆ อย่าง
ขึ้นอยู่กับว่าตําแหน่งงานที่เปิดรับ ว่าต้องการคุณลักษณะทางกายเป็นพิเศษอย่างไรบ้าง
2. ความสําเร็จดูจากผลการศึกษาและประสบการณ์ที่ผ่านมา
3. ความฉลาดและไหวพริบ เป็นสิ่งที่ดูกันยาก อาจใช้ทดสอบเชาว์ปัญญา แต่ส่วนใหญ่แล้ว
จะดูจากความสามารถเข้าใจการเรียนรูสิ่งใหม่ๆ ได ้และแนวโน้มเรียนรู้งานว่าเร็วหรือช้าเพียงใด
4. ความถนัด ดูจากความสามารถที่จะพัฒนาทักษะทางด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงาน เช่น การ
ใช้เครื่องมือเครื่องกลในการทํางาน การคํานวณ ฯลฯ
5. ความสนใจดูจากประสบการณ์และทักษะที่ผู้สมัครมีผู้สมัครอาจรู้สึกว่าความสนใจของตนไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ผู้สัมภาษณ์กลับสนใจที่จะถามสิ่งนั้นด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ต้องการดูว่ามีทักษะที่จะเป็นประโยชน์กับงานหรือเปล่า ยกตัวอย่างหากผู้สมัครเคยสนใจเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษามีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินให้สโมสรนักศึกษาก็อาจทํางานเกี่ยวกับงานพัสดุหรือทําบัญชีได้ดี
เป็นต้น
6. กิจกรรมในยามว่าง ดูจากวิธีการหาความสมดุลในชีวิตประจําวัน เช่น การกีฬา และงานอดิเรกว่ามีผลต่องานเพียงใด เช่น หากผู้สมัครเป็นนักกีฬาทีมชาติต้องไปฝึกซ้อมบ่อย ๆ แต่งานที่ ผู้สมัครไว้ไม่เกี่ยวข้องกับงานกีฬาก็เป็นเรื่องที่ผู้สัมภาษณ์ต้องคิด
7. เหตุการณ์สําคัญในชีวิต เป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งที่จะใช้วัดคน แต่ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้
สัมภาษณ์มากทีเดียว เช่น ผู้สมัครอาจเคยทําความสำเร็จความล้มเหลวปัญหาที เคยประสบหรือ
เหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิต สิ่งเหลานี้อาจมีผลเกี่ยวโยงต่องานที่จะให้ผู้สมัครรับผิดชอบด้วย
นอกจากนี้แล้วผู้สัมภาษณ์จะพิจารณา อายุ แหล่งที่อยู่ สภาพครอบครัว สิ่งแวดล้อมรอบ ๆตัว อารมณ์ความเครียดและความก้าวร้าว ซึ่งเป็นตัวชี้ว่าผู้สมัครสามารถทํางานกับผู้อื่น ได้ดีหรือไม่เพียงใดมาเป็นเครื่องพิจารณาด้วย อาจจะไม่มีคำถามเฉพาะในเรื่องนี้ แต่ผู้สัมภาษณ์อาจวัดความเหมาะสมได้จากสิ่งอื่นๆ ที่ผู้ตอบแสดงออกมาประกอบด้วย
6. การปฏิบัติตัวหน้าห้องสอบ
ตอบ การตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสําคัญ ต้องแน่ใจว่าท่านถึงห้องสอบทันเวลา หากมาให้ทันเวลาไม่ได้ให้โทรศัพท์แจ้งผู้สัมภาษณ์โดยด่วน อธิบายเพียงสั้นๆว่าเกิดอะไรขึ้น จะสายไปนานเท่าไรขณะที ผู้สมัครนั่ง คอยเจ้าหน้าที่เรียกตัวเข้าสอบ ให้มองดูรอบๆ ตัวอาจได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานได้มากขึ้น เช่น บรรยากาศในการทํางาน ระเบียบวินัยการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น อย่าพยายามชวนเจ้าหน้าที่หรือเลขานุการ หรือใครต่อใครในสำนักงานคุยนานเกินไป เขาอาจไม่มีเวลาว่างและรู้สึกรําคาญ อย่าตื้อสอบถามเกี่ยวกับตัวผู้สัมภาษณ์ สิ่งที่ผู้สมัครทําไปอาจถูกรายงานให้ผู้สัมภาษณ์ทราบ ควรสุภาพอ่อนน้อมต่อทุก ๆ คนที่พบ พนักงานท่าทางใจดีที่เจอในลิฟท์และช่วยกดลิฟท์ให้ท่านอาจเป็นประธานหน่วยงาน แทนที่จ ะเป็นพนักงานประจําลิฟท์ก็ได้
หากผู้สมัครสมัครงานทางจดหมาย ในวันนัดสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่อาจยื่นใบสมัครให้กรอกใหม่ กรณีเช่นนี้ ถ้าผู้สมัครได้เตรียมสาระสำคัญที่ต้องกรอกใบสมัครเอาไว้ก่อนล่วงหน้าตามที่ได้ทําแบบฝึกหัดเอาไว้แล้ว จะทําให้ผู้สมัครกรอกได้ง่ายและไม่เสียเวลา และเป็นภาพที่ดีตัวผู้สมัครเองด้วย
7. ภาษากายในการสอบสัมภาษณ์
ตอบ ภาษากายมีความสำคัญในการสอบสัมภาษณ์มากในปัจจุบันหลักสูตรการฝึกอบรมด้านการ
บริหารและการสัมภาษณ์มักบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับ "ภาษากาย" และการแปลความหมายเอาไว้ด้วย ฉะนั้น
1. ผู้เข้าสอบสัมภาษณ์อย่าพูด โกหก หรือเสแสร้งใดๆ
2.ผู้สัมภาษณ์ต้องการเห็นผู้สมัครมีความเชื่อมั่น เพราะผู้มีความเชื่อ มั่นย่อมตอบคําถามและให้ข้อมูลแก่ผู้สัมภาษณ์ด้วยการแสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และโต้ตอบปัญหาต่างๆ วิธีลดความตื่นเต้นและสร้างความเชื่อมั่น คือหาความรู้เกี่ยวกับคนในหน่วยงานนั้นและซ้อมการถามตอบสัมภาษณ์กับ เพื่อนสนิท ถ้าไม่สามารถหาเพื่อนมาช่วยได ้ ให้ใช้เทปอัดเสียงพูดของผู้สมัคร อย่าหยุดแม้จะพูดได้ไม่ดี อย่าลบเทปทิ้ง แล้วอัดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะฟังแล้วไม่ชอบใจ แต่ให้ฟังเหมือนกับว่าผู้สมัครฟังเสียงใครอยู่ก็ไม่รู้ ลองวิจารณ์ว่าเสียงน่าสนใจและเชื่อได้หรือไม่ ให้ฝึกจนกว่าจะพอใจ และไม่ว่าจะฝึกกับเพื่อน หรือฝึกกับเทป อย่าใช้บทพูด คนเราไม่จําเป็นต้องพูด เหมือนกันทุกครั้ง ทุกครั้งที่ท่านพยายามพูดเหมือนเดิมแต่ใช้คําพูดแตกต่างออกไปจะทําให้ผู้สมัครเพิ่มความมั่นใจขึ้น
3. การแต่งกายในวันสอบสัมภาษณ์ เสื้อผ้าที่ใช้แต่งในการเข้าสัมภาษณ์ควรเป็นชุดที่สุภาพสะอาด ดูว่าผู้สมัครให้ความเอาใจใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งรูปแบบและสีสันควรเข้ากันได้กับวัฒนธรรมการแต่งกายของพนักงานในหน่วยงานทีท่านเข้ารับการคัดเลือก
4. ยกมอืไหว้ทักทาย ถ้าผู้สัมภาษณ์จับมือ ให้จับอย่างกระชับอย่างจับนานเกินไป ขณะจับมือให้มองหน้าและยิ้มให้ ก่อนอื่นผู้สมัครต้องให้เวลากับตัวเองที่จะทําให้ตัวให้สบาย การมองรอบๆ ห้องจะทําให้รู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง สบตากับผู้สัมภาษณ์หายใจลึกๆ เว้นระยะ และเตรียมพร้อมที่จะฟังผู้สัมภาษณ์
5. ท่าทางการนั่งในขณะสอบสัมภาษณ์ให้นั่งสบาย ๆ ไม่ยื่นตัว ไม่ค้ำโต๊ะ นั่งมั่นคง ก้นชิดหนัก วางแขนไว้ข้างลําตัว อย่านั่งแบบพักผ่อน วางศีรษะนิ่ง อย่าหลบตา แต่อย่าถึงกับจ้องเขม็งขณะผู้สัมภาษณ์พูดให้มองผู้พูดขณะตอบ ให้กวาดสายตามองกรรมการสอบทุก ๆ คน
6. ขณะตอบให้สังเกตว่าผู้สัมภาษณ์สนใจฟังผู้สมัครหรือไม่ ถ้าไม่ฟังให้เปลี่ยนจังหวะการพูด คําแนะนําให้ใช้โดยความระมัดระวั ง ถ้าตอบไปแล้วผู้สัมภาษณ์มีท่าทางสงสัย ให้พิจารณาดูว่าผู้สมัครได้พูดอะะไรไป และเรียนถามผู้สัมภาษณ์ว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
8. เทคนิคในการพูด
ตอบ 1. พูดช้าๆอย่าเอามือป้องปากขณะพูด
2. อย่ากังวลกับการออกเสียงตะกุกตะกักของตัวเอง
3. ตอบง่ายๆ อย่ายาวมาก พูดเนื้อหาสำคัญๆ ควรอ้างข้อมูลที่ตนเองเคยประสบมาสนับสนุนคําตอบ
4. ในตอนแรกๆ ให้พูดช้าๆ ระมัดระวั ง จนกว่าได้ผ่อนคลายเต็มที่แล้วจึงพูดจาโต้ตอบไปตามธรรมชาติ
5. พูดให้มีระดับเสียงสูงต่ำ เน้นความหนักเบาให้มีชีวิตชีวา หรือคอยสังเกตผู้สัมภาษณ์ถ้าเขามีที่ท่าเห็นคล้อยตาม เช่น พยักหน้าให้เปลี่ยนน้ำเสียง เน้นความสนใจของเขาอีกครั้งหนึ่ง หรือไม่เช่นนั้นก็ให้เว้นระยะหนึ่งก่อนพูดต่อ
6. ใช้เวลาในการคิดหาคําตอบแต่อย่านานจนกรรมการทนรอฟังไม่ได้จนต้องพูดแทรกขึ้น
7. อย่าพูดเร็วผู้สัมภาษณ์จะเกิดความรําคาญ และเป็นผลเสียต่อเราเอง เพราะการพูดเร็วขาดการควบคุม อาจทําให้พูดเปิดเผยมากกว่าที่ตั้งใจพูด
8.ระมัดระวังในการพูด ถึงงานอดิเรกหรืองานพิเศษของผู้สมัคร อย่าให้ผู้ฟังเข้าใจว่าผู้สมัครสนใจงานอดิเรก สนใจรายได้พิเศษมาก จนอาจใช้เวลาทํางานไปสนใจกับงานเหล่านั้น จนงานในหน้าที่ต้องเสียหาย
9. ในการตอบคําถามแต่ละครั้งควรมีความยาวอยู่ในระหว่าง 20 วินาที ถึง 2 นาที
9. ก่อนที่จะสิ้นสุดการสอบสัมภาษณ์
ผู้สมัครสามารถจะแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างในขณะที่ ผู้สอบสัมภาษณ์กําลังจะแสดงสัญญาณบางอย่างออกมา ที่มีความหมายถึงการสิ้นสุดการสอบสัมภาษณ์ได้แต่ห้ามแสดความรู้สึกในเชิงต่อต้านออกไป ผู้สมัครจะต้องมีเทคนิคและความรู้สึกที่ดีในการรู้เวลาว่า กาสอบสัมภาษณ์ได้หมดเวลาลงแล้ว ผู้สอบสัมภาษณ์อาจจะนัดหมายกําหนดการสอบสัมภาษณ์อีกครังหนึ่งก็ได้ หรืออาจจะให้ข้อมูลว่าขั้นตอนต่อจากการสอบสัมภาษณ์ จะเป็นขั้นตอนอย่างไรและขั้นตอนต่อไปนั้น ผู้สมัครจะต้องใช้เวลานานเท่าไร
10. แนวคําถามและตอบในการสอบสัมภาษณ์
ตอบ ผู้สมัครควรศึกษาแนวคำถาม และตอบอย่างคร่าวๆ ว่า คําถามในการสอบสมั ภาษณ์จะเป็ นอย่างไรได้บ้าง และเมื่อเผชิญกับคำถามประเภทนี้ จะต้องตอบในลักษณะใดจึงจะเหมาะสมและมีน้ำหนักพอที่จะทําให้เรามีความโดดเด่นกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ได้
1. ชีวประวัติเบื้องต้น
แนวถาม: บางครั้งที่ผู้สัมภาษณ์ถามคําถามเหล่านี้ ก็เพื่อตรวจสอบดูว่าผู้สมัครเป็นอย่างไร ในขณะที่มาในฐานและโอกาสแตกต่างกัน เช่น ผู้สมัครสองคนอาจสอบได้คะแนนดีทั้งคู่ แต่พื้นฐานและโอกาสอาจจะมีไม่เท่ากัน เป็นต้นว่า คนแรกอาจจะมาจากครอบครัวที่มี ฐานะดี มีผู้ปกครองคอยช่วยเหลือ ถึงจะพลาดงานนี้ ก็ไม่เดือดร้อนเรื่องสถานภาพทางด้านการเงิน จึงอาจไม่ค่อยกระตือรือร้นแต่ในทางกลับกัน ผู้สมัครคนที่สองมาจากครอบครัวที่ยากจน และต้องคอยช่วยเหลือพ่อแม่ในการทํางาน แต่มีความตั้งใจจริงและอยากได้งานทําเพราะต้องการแบ่งเบาภาระของบุพการี ในลักษณะเช่นนี้ ผู้สัมภาษณ์ก็อาจจะให้คะแนนผู้สมัครคนที่สองมากกว่า เพราะมีความกระตือรือร้นและตั้งใจจริงมากกว่า ถึงแม้จะเรียนดีด้วยกันทั้งคู่ แต่องค์ประกอบอื่น ๆ ก็นับเป็นตัวแปรที่สำคัญอีกด้วย
แนวตอบ: ความจริงแล้วค ําถามประเภทนี้ เป็นค ําถามประเภทตรงไปตรงมา สามารถคาดการณ์
ล่วงหน้าได้ และยังง่ายต่อการตอบอีกด้วย แต่ผู้สมัครบางคนก็อาย ไม่กล้าที่จะเปิดเผยพื้นเพครอบครัวของตนเอง เพราะเกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะ ที่จริงแล้วผู้สมัครไม่ควรอายที จะตอบ หรือพยายามปกปิดข้อเท็จจริงและที่สําคัญคือไม่ควรพูดเท็จและควรตอบตามความเป็นจริง
2. การศึกษาและการฝึกงาน
แนวถาม: คําถามลักษณะนี้จะมุ่งไปยังการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนและคะแนนที่ ผู้สมัครได้รับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้สมัครไม่มีประสบการณ์การทํางานมาก่อนเลย หรือมีบ้างนิดหน่อยผู้สัมภาษณ์ก็จะเน้นไปยังจุดนี้ และนอกจากนี้ ก็อาจจะรวมคําถามเกี่ยวกับกิจกรรมนอกหลักสูตร เข้าไว้ด้วย เช่น การเป็นสมาชิกของชมรมต่างๆ ระหว่างเรียน ข้อมูลเหลานี้จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์ทําการประเมินผลการให้คะแนนได้ง่ายขึ้น เพราะพอจะมองออกว่าผู้สมัครเป็นคนเช่นไร
แนวตอบ: ในทํานองเดียวกัน คำถามเกี่ยวกับการศึกษาและการฝึกงานก็ง่ายต่อการตอบเช่นกัน นอกเสียจากผู้สมัครไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ในกรณีที่ ผู้สมัครทําคะแนนได้ไม่ดีผู้สัมภาษณ์ก็อาจจะถามถึงสาเหตุที่ทำให้เขาได้คะแนนไม่ดี แต่ผู้สมัครก็ไม่ควรจะแก้ตัวไปเสียทุกกรณีไป ควรยอมรับในจุดด้อยของตนเองบ้าง เพราะความจริงแล้ว ผู้สัมภาษณ์อาจไม่ต้องการถามลึกไปถึงเหตผุลของการทําคะแนนได้ดีหรือไม่ดี แต่ที่ถามเพราะต้องการที่จะทดสอบว่า ผู้สมัครมีความสามารถในการแสดงออกได้ดีแค่ไหนเพียงใดเมื่อต้องเผชิญกับคําถามในลักษณะนี้
3. ประสบการณ์ในการทำงาน
แนวถาม: ที่จริงแล้วในจดหมายสมัครงาน และประวัติย่อก็จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการทํางานอยู่แล้ว แต่ที่ต้องถามลึกลงไปอีก ก็เพื่อดูรายละเอียดอื่นๆ เป็นต้นว่า ความสามารถในการทํางานเป็นอย่างไร การทําตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไร และทําไมจึงออกจากงานที่ว่านี้ นอกจากนี้ ก็เพื่อเป็นการทดสอบดูว่าผู้สมัครจะตอบคําถามตรงกับข้อมูลที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ในจดหมายสมัครงานและประวัติย่อหรือไม่ งานประเภทใดที่เหมาะสมกับผู้สมัครนี้ ถึงแมว่าคำถามนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับนักศึกษาจบใหม่ๆ แต่บางรายก็ปีระสบการณ์ในการทํางานนอกเวลามาก่อนก็มี แต่ก็จะถามได้ไม่ละเอียดเหมือนกับผู้ที่เคยทํางานเต็มเวลาก่อนอยู่ดีนั่นเอง
แนวตอบ: คำตอบที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทํางาน ก็คือ
- เหตผุลที่ออกจากงานเก่า
- ทําไมจึงต้องการทํางานที่นี้
- เคยทํางานอะไรในตําแหน่งใดเป็นงานทีม มีส่วนช่วยส่งเสริมงานที่สมัครนี้หรือไม่
- เคยประสบความสำเร็จในการทํางานประเภทใดมาก่อนบ้างหรือไม่
- เคยมีปัญหาอะไรบ้างและแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร
- เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดีหรือไม่เพียงใด
สําหรับสองข้อแรก ก็อาจจะตอบได้ว่า เพื่อต้องการเพิ่มประสบการณ์ หาความก้าวหน้าหรืองานที่มี ความรับผิดชอบมากขึ้น หรือไม่ก็หน่วยงานที่สมัครนี้ มีชื่อเสียง หรือให้สวัสดิการดี
4. สิ่งกระตุ้นและแรงดลใจ
แนวถาม: ผู้สัมภาษณ์อาจต้องการทราบสิ่งกระตุ้นใจ และความกระตือรือร้นของผู้สมัครว่าสนใจ
งานประเภทใดเป็นพิเศษ ซึ่งก็อาจจะถามคําถามประเภท เช่น ทําไมเลือกสมัครตําแหน่งนี้ คำถาม
ลักษณะนี้ ผู้สัมภาษณ์สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้สมัครมีความทะเยอทะยานสูงหรือต่ำ เป็นไปได้หรือไม่หรือเป็นแค่เพียงความฝันเท่านั้น
แนวตอบ: ผู้สมัครควรรู้ตัวเองว่า เราต้องการทําอะไรในขณะนี้ มีแผนการอะไรบ้าง
มีแผนการอะไร ไม่ควรตอบว่า ยังไม่มีแผนการที่แน่นอน เพราะจะทําให้ดูเหมือนว่า เป็นคนหลักลอยและไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได ้ควรแสดงความกระตือรือร้นและความทะเยอทะยานแต่พอดีไม่มากหรือน้อยเกินไป และผู้สมัครไม่ควรแสดงออกถึงความเป็นผู้มีความทะเยอทะยานจนเกินไป เพราะจะทําให้พลาดโอกาสได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้สัมภาษณ์อาจมองว่าผู้สมัครมีความทะเยอทะยานมาก อาจไม่ค่อยจะพอใจกับอะไรได้ง่ายๆ และอาจจะอยู่ทํางานได้ไม่นานก็ออกไปหางานใหม่ทําซึงจะทําให้หน่วยงานเสียเงินและเสียเวลาในการคัดเลือกผู้สมัครประเภทนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ ค ําถามว่า “ถ้าคุณต้องไปทํางานต่างจังหวัดคุณจะไปได้หรือไม่ ” ก็ไม่ควรด่วนตัดสินใจปฏิเสธควรคิดให้รอบคอบเสียก่อนหรือถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็ควรแสดงให้เห็นว่า เรามีความต้องการทํางานนี้ จริงๆ แต่ทั้งนี้ ผู้สมัครก็ควรเตรียมให้พร้อมว่าสามารถปฏิบัติตามนั้นได้หรือไม่
5. ความสนใจยามว่างและงานอดิเรก
แนวถาม: คําถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามแบบกว้าง ๆ เช่น ใช้เวลาว่างทําอะไรบ้างหรือมีงานอดิเรกบ้างหรือไม่ คําถามประเภทนี้ จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์ทราบได้ว่า ผู้สมัครมีความสามารถในการแสดงออกอย่างไร มีความชัดเจนเพียงพอหรือไม่ ทั้งยังเป็นการตรวจสอบดูว่างานอดิเรกของผู้สมัครมีผลดีต่องานที่สมัครนั้นอย่างไร
แนวตอบ: ในการตอบคําถามเกี่ยวกับความสนใจยามว่างระวังอย่าพูดเท็จ แล้วก็อย่าตอบเพียงเพื่อเอาใจ ผู้สัมภาษณ์เป็นอันขาด ถ้าจะบอกว่างานอดิเรกของเราคืออะไรแล้ว ก็ต้องมีความมั่นใจว่าเราทําในสิ่งนั้นบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย และสามารถพดูคุยให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานอดิเรกประเภทนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมิฉะนั้น จะทําให้เราเสียเครดิต ซึ่งอาจจะมีผลทําให้ผู้สัมภาษณ์หมดความเชื่อถือในตัวเราเกือบทุกๆ เรื่องที่เราตอบไปแล้วก็ได้
6. ความชํานาญพิเศษ
แนวถาม: งานประเภทที่ต้องอาศัยความชํานาญพิเศษ เช่น ทางด้านวิทยาศาสตร์หรืองานประเภทวิชาชีพ
ต่าง ๆ ซึ่งในการทดสอบผู้สมัครนั้น นอกจากจะให้ผู้สมัครทําข้อสอบข้อเขียนแล้ว ผู้สัมภาษณ์
อาจจะต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเรียกเข้ารับการสอบสัมภาษณ์สักครั้งหนึ่ง ก่อนตัดสินใจ
ผู้ใดผู้หนึ่งเข้าทํางาน และการให้มีการสอบสัมภาษณ์ด้วยนี้ ยังจะสามารถทดสอบได้ว่า ผู้สมัครมี
ความฉับไวในการตอบข้อซักถามได้ดีเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลา เร่งด่วนจะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีเพียงใดเป็นต้น
แนวตอบ: ควรติดตามข่าว และความเคลื่อนไหวในเหตุการณ์รอบๆ ตัวเรา โดยผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น
โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเคลื่อนไหวและกิจการของหน่วยงานหรือหน่วยงานที่เราต้องการสมัครเข้าทํางานนั้น ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
7. สุขภาพ
แนวถาม: โดยมากเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพนี้ ผู้สัมภาษณ์สามารถดูได้จากใบรับรองแพทย์ที่แนบมา
ด้วย แต่บางครั้งที ต้องถามเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอีก ก็เพราะว่างานบางอย่างก็ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสุขภาพเป็นพิเศษ
แนวตอบ: เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพนี้ก็คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากเพียงแต่ตอบไปตามความจริง และควรพิจารณาดูว่าสุขภาพของเราเป็นอย่างไร เป็นอุปสรรคต่องานที่จะทําหรือเปล่า และงานนั้นระบุคุณสมบัติของผู้สมัครไว้อย่างไรความจริงแล้วเราไม่สามารถเดาใจผู้สัมภาษณ์ได้ทั้งหมดว่าเขาจะถามเราอย่างไร เพราะเขามีสิทธิ เลือกถามได้ทั่วไป ผู้สมัครได้แต่เพียงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าสำหรับถามหลักเท่านั้น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือผู้สมัครไม่ควรแสดงอาการตื่นเต้น เมื่อเจอคําถามทีไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าควรอยู่ในอาการสงบและตั้งใจตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่จ ะทำได้ถ้าไม่เข้าใจคำถาม ก็อย่าพยายามดันทุรังตอบ เมื่อไม่เข้าใจก็ควรบอกผู้สัมภาษณ์ตามตรงว่า“ดิฉัน/ผมไม่ค่อยจะเข้าใจความหมาย” หรือ “ดิฉัน/ผมไม่ค่อยจะแน่ใจว่าดิฉันจะเข้าใจค ําถาม” และขอความกรุณาให้ถามหรืออธิบายอีกครั้ง